เกมออนไลน์-โซเชียลมีเดีย` จะวัยไหนก็ `ติด`
เกมออนไลน์-โซเชียลมีเดีย
กลายเป็นเรื่องที่คุ้นหูชินตาไปแล้ว ยิ่งปัจจุบันสังคมเปิดกว้างขึ้น
ประกอบกับเทคโนโลยีก็ก้าวล้ำไปมาก มองไปทางไหนก็มีแต่คนใช้
"แท็บเลต-สมาร์ทโฟน" จนกลายเป็น "สังคมก้มหน้า" ดังที่ใครหลายคนเรียกกัน
ที่น่าสนใจ..ไม่ได้มีแค่กลุ่มวัยรุ่น
เท่านั้นที่ติดสิ่งเหล่านี้อย่างงอมแงม เพราะแม้ผู้ใหญ่หรือ
ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยก็ติดด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมาเด็กๆ
มักถูกพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่เตือนเสมอว่า "ห้ามเล่นเกม-อย่าติดเกม"
มองเกมเป็นเหมือนปีศาจร้าย ใครจะเชื่อว่าในยุคนี้โลกจะ "กลับตาลปัตร"
กลายเป็นว่าตัวผู้ใหญ่เองที่ติดโซเชียลมีเดีย-ติดเกมมากขึ้น และหลายราย
"อาการหนัก" เล่นจนไม่หลับไม่นอนบ้าง
หรือเล่นในเวลางานจนหน้าที่ของตนเสียหายบ้างก็มีมาแล้ว
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า
โซเชียลมีเดียเป็นสื่อที่มีความหลากหลายของช่องทางการติดต่อสื่อสาร และ
มีความน่าสนใจค่อนข้างมาก ซึ่งเข้ากับบุคลิกของคนไทยส่วนใหญ่ ที่
"ชอบอยู่กับสังคม"
จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถติดต่อสื่อสารแม้ไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ตาม
ต่างกับสังคมตะวันตกที่ผู้คนมักชอบมี "พื้นที่ส่วนตัว"
มากกว่าส่วนคำถามที่ว่า
เหตุใดในอดีตผู้ใหญ่มักจะเตือนเด็กเสมอว่าไม่ควรเล่นเกม
แต่ปัจจุบันกลับเป็นตัวผู้ใหญ่เองที่ติดเกมหรือโซเชียลมีเดียนั้น
นพ.ทวีศิลป์ อธิบายว่า เนื่องจากสื่อทุกวันนี้เปิดกว้างมากขึ้น
ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุที่ไม่ได้มี ภาระหน้าที่ใดๆ ก็เลือกที่จะหาสิ่งใหม่ๆ
เพื่อคลายเหงาหรือคลายเครียดได้
"จริงๆ แล้วของเล่นของผู้ใหญ่มีกันในทุกวัย
แต่ก็มีหลายรูปแบบ เช่น เครื่องเสียงรถยนต์ จักรยานยนต์
ล้วนเป็นของเล่นของผู้ใหญ่ทั้งนั้น คนเรามันก็ต้องมีงานอดิเรกที่
แตกต่างกัน เนื่องจากว่าผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์มือถือเนี่ย มันค่อนข้าง
ที่จะให้เป็นอุปกรณ์หลากหลายอย่างอยู่ในมือของตัวเอง
เพราะฉะนั้นยามว่างไม่มีอะไรทำ ทุกอย่างอยู่ในอุปกรณ์ที่ติดกาย
ก็เลยกลายเป็นของที่สะดวกใช้มากกว่าอย่างอื่น" โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าว
แม้ปัญหาการติดเกม-ติดโซเชียลมีเดียนั้นเกิดได้กับ
ทุกเพศทุกวัย แต่กลุ่มที่น่าเป็นห่วงก็คงยังเป็น "เด็ก-วัยรุ่น"โดย
นพ.ทวีศิลป์ ให้เหตุผลว่า ส่วนใหญ่แล้วเด็กและวัยรุ่นจะมี
วุฒิภาวะต่ำกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากไม่ได้มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
หากติดไปแล้วจะรักษาได้มากกว่าผู้ใหญ่ที่มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่
หากเป็นผู้ใช้สื่อออนไลน์ควรมีการวิเคราะห์ว่ามีผลกระทบกับตัวผู้ใช้เองมาก
น้อยเพียงใด เพราะสิ่งที่อยู่บนโซเชียลมีเดียย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
"พยายามหาหนทางที่จะให้เขาได้มีหนทางรับรู้
ว่าถ้าทำต่อไปมันจะมีผลกระทบระยะยาวอย่างไร
จะเกิดการสร้างแรงจูงใจขึ้นมาก่อนที่จะเห็นปัญหาแล้วทำให้เขาเลิก
พอมีความเห็นตรงกัน
ว่ามันไม่ได้เป็นประโยชน์อย่างเดียวมันมีโทษด้วยเขาก็จะหาหนทางในการจัดการ
ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่เองประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ" นพ.ทวีศิลป์
ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่เห็นคนใกล้ตัวมีอาการเข้าข่ายเสพติดสื่อออนไลน์
เช่นเดียวกับ ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.)
ที่กล่าวว่า
เด็กและวัยรุ่นยังคงเป็นกลุ่มที่มีความยากในการแก้ปัญหาดังกล่าว
เพราะยังไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้
ต่างจากกลุ่มผู้ใหญ่ที่เติบโตมาด้วยกระบวนการเลี้ยงโดยผ่านกฎระเบียบต่างๆ
มามากมาย กลุ่มผู้ใหญ่จะเป็นกลุ่มที่รักษาได้ง่ายกว่า
ถึงกระนั้นหากเป็นผู้ที่ติดเกมหรือโซเชียลมีเดียตั้งแต่วัยรุ่นจนลุกลามต่อ
เนื่องไปถึงวัยผู้ใหญ่ ก็เป็นปัญหาที่แก้ยากพอสมควร
ส่วนประเด็นว่าเหตุใดจึงพบผู้ใหญ่ติดเกมหรือโซเชียล
มีเดียมากขึ้น ธาม ให้เหตุผลว่า วัยผู้ใหญ่นั้นเป็น "วัยทำงาน"
ที่เต็มไปด้วย
"ความเร่งรีบ-ความเครียด-การอยู่ภายใต้คำสั่ง"ดังนั้นโลกออนไลน์จึงเปรียบ
เสมือนโลกที่สามารถช่วย "ระบาย"และสร้างความบันเทิงให้กับคนวัยนี้ได้ เช่น
เล่นเกมออนไลน์เพราะติดสังคมที่อยู่ในเกม และปัจจุบันมีการพัฒนาโซเชียล
มีเดียเป็น "แอพพลิเคชั่น" ไว้บนมือถือ ทำให้เข้าถึงได้สะดวกยิ่งขึ้น
"เพราะเกมจะทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ควบ
คุม ในฐานะที่เป็นคนทำงานเขาจะเป็นผู้ถูกทำงานตามสั่ง
เป็นลูกน้องที่ต้องทำตามผู้บังคับบัญชา
แต่ถ้าเป็นในเกมเนี่ยเขาสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง
ถือว่าโทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนศูนย์รวมเทคโนโลยี
หรืออีกอย่างคือเขาได้สังคม เขาได้มีปฏิสัมพันธ์ เขาไม่รู้สึก โดดเดี่ยว"
ธาม ระบุ
สำหรับบุตรหลานที่ห่วงใยพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่
นักวิชาการด้านสื่อรายนี้ ให้คำแนะนำว่า
ควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี เพราะเอาเข้าจริงๆ
แล้ว ไม่มีใครอยากอยู่กับ "โลกเสมือน" เช่นนี้
เพียงแต่คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับสื่อออนไลน์ค่อนข้างมาก อาจจะรู้สึกว่าตนเอง
"ถูกทอดทิ้ง"จึงต้องหาสิ่งอื่นมาคลายเหงา
"ควรใช้วิธีการล้อหลอกหรือดึงท่านมาพูดคุย
ร่วมกิจกรรม ปกติคนสูงวัยหรือคนมีอายุหน่อยเขาจะอยากอยู่กับลูกกับหลาน
ไม่ได้อยากอยู่กับโซเชียลมีเดียหรอก เพราะเขาถูกมันพัดพาไปจากสิ่งรอบข้าง
เช่น ลูกหลานทอดทิ้ง หรือลูกหลานเอง นั้นแหละไม่สนใจ เล่นแต่โทรศัพท์มือถือ
แชทกับคนอื่นตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นวิธีการก็คือดึงเขาไปทำกิจกรรมร่วมกันในวันหยุด กิจกรรมพักผ่อน
กิจกรรมท่องเที่ยว พวกนี้สามารถช่วยได้
ที่สำคัญเกมออนไลน์สมัยนี้มันไม่ใช่แค่เกม
แต่มีคำว่าออนไลน์มาเกี่ยวข้อง มันมีคำว่ามิจฉาชีพ ล่อหลอก โฆษณา
เหยื่อของธุรกรรมทางการเงิน ล่อหลอกมากมาย เพราะฉะนั้นต้องวางกฎระเบียบ
พูดคุยกันให้ดี เหมือนที่ผู้ใหญ่ทำกับเด็ก เป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด"
ธาม ฝากทิ้งท้ายมีผู้กล่าวว่า
"สังคมยุคนี้เป็นสังคมเหงา-สังคมตัวใครตัวมัน"
จากชีวิตที่เร่งรีบแข่งขันจนเคร่งเครียด
ทำให้ผู้คนไม่น้อยจากหลากหลายเพศและวัย
หันหน้าเข้าสู่สังคมออนไลน์ที่เปรียบดัง "โลกแห่งความฝัน"
สามารถเนรมิตตัวตนให้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ซึ่งไม่อาจเป็นได้ใน
"โลกแห่งความจริง" จนนานเข้าก็เสพติดจนแยกแยะไม่ออก
ไม่สามารถดึงจิตใจกลับมาสู่ความเป็นจริงได้ ซึ่งสิ่งที่จะ "เยียวยา"
อาการเหล่านี้ได้ มีแต่ "สถาบันครอบครัว"เท่านั้น
ความใกล้ชิดและการดูแลคนในครอบครัวให้มีความอบอุ่น เป็นวิธีที่ดีที่จะไม่ทำให้เสพติดสื่อออนไลน์มากจนเกินไปไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตาม
ที่มา : http://www.thaihealth.or.th
Comments
Post a Comment