`ไมโครเวฟ`รังสีอันตรายหรือไม่ ปริศนานี้มีคำตอบ
แม้ว่าเครื่องไมโครเวฟจะเข้ามาช่วย
อำนวยความสะดวกให้กับผู้คนมาตลอด 50 ปีก็ตาม
แต่ก็ยังมีความกังวลในการใช้ว่า
คลื่นที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อทำให้อาหารร้อนนั้นอาจก่ออันตรายต่อสุขภาพ
ทั้งที่ หากคิดกลับกัน
ถ้ามีอันตรายจริงแล้วทำไมคนทั่วบ้านทั่วเมืองถึงยังใช้ไมโครเวฟกันอยู่
เราได้หาคำตอบมาให้ผู้บริโภคได้คลายสงสัย ดังนี้
ไมโครเวฟคืออะไร?
จุดกำเนิดของไมโครเวฟนั้นเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ
เมื่อนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ
ที่พยายามหาวิธีในการปรับปรุงระบบเรดาร์ที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่ทำการทดลองอยู่นั้นเขาพบว่าช็อกโกแลตที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของตนเอง
ละลาย จึงค้นพบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดังกล่าวสามารถทำให้อาหารอุ่นได้
และคลื่นนั้นคือไมโครเวฟ ที่มีความถี่อยู่ระหว่างคลื่นวิทยุและรังสีใต้แดง
หรือที่เรียกว่า อินฟราเรด (Infrared) ขนาดความยาวคลื่นประมาณ 12-33
เซนติเมตร และมีธรรมชาติเหมือนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดอื่น อย่างเช่น
คลื่นวิทยุ 3G-4G WIFI หรือแม้แต่คลื่นที่ความถี่สูงขึ้นอย่าง
แสงที่ตามองเห็น UV รังสีเอ็กซ์ (X-ray) และรังสีแกมมา (Gamma Ray)
ที่มีความถี่สูงมากกว่าที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยปรากฏการณ์ตามธรรมชาติบนโลกของ
เรา ดังนั้นผู้บริโภคก็ไม่ต้องห่วงเรื่องคลื่นไมโครเวฟ
หากยังสามารถดูโทรทัศน์ได้ ยังใช้โทรศัพท์ ใช้ WIFI ได้
ก็สามารถใช้เครื่องไมโครเวฟได้อย่างไม่ต้องกังวล
ไมโครเวฟมีกระบวนการทำงานอย่างไร?
บางคนอาจสงสัยว่าในเมื่อไม่มีไฟเป็นแหล่งความร้อนแต่
ทำไมเครื่องไมโครเวฟถึงทำให้อาหารร้อนได้ เรื่องนี้มีหลักการง่ายๆ คือ
การให้ความร้อนแบบ Dielectric Heating
คลื่นไมโครเวฟที่สะท้อนกลับไปกลับมาภายในเตาสามารถถ่ายทอดพลังงานให้กับ
โมเลกุลของน้ำได้ เนื่องจากน้ำเป็นโมเลกุลที่มีขั้ว
เวลาเจอคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
มันจะโดนคลื่นบังคับให้กลับขั้วไปมาตามทิศทางของสนามไฟฟ้าที่มากับคลื่น
การขยับตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็วนี้เองที่ทำให้โมเลกุลของน้ำมีการเสียดสีกับ
โมเลกุลข้างๆ จนอุณหภูมิสูงขึ้น ความร้อนนี้เองที่ทำให้อาหารสุกได้
ไม่ใช่เพราะกัมมันตรังสีอย่างที่บางคนเข้าใ
ไมโครเวฟมีอันตรายไหม
ตู้ไมโครเวฟมีวิธีการป้องกันไม่ให้คลื่นแม่เหล็ก
ไฟฟ้าหลุดลอดออกมา
สิ่งที่บุภายในตู้เป็นโลหะที่ทำหน้าที่สะท้อนคลื่นให้อยู่ภายใน
และหากสังเกตให้ดีที่บริเวณฝาหน้าของเครื่องก็จะมีโลหะที่สานกันอยู่ซึ่ง
สามารถสะท้อนคลื่นได้ ทั้งนี้หากคลื่นมีการรั่วไหลออกมาจริง
คนจะสามารถรับรู้ได้ทันทีเพราะจะมีความร้อนออกมาจากเตา
ภาชนะอะไรที่ใช้กับไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย
ภาชนะที่สามารถใช้ได้คือ กระเบื้องเคลือบ
เซรามิคไม่มีสีและลวดลาย แก้วทนความร้อน และพลาสติกทนความร้อน
ส่วนภาชนะที่ห้ามใช้กับไมโครเวฟคือ พลาสติกชนิดบางบางประเภท โฟม
โลหะที่จะเป็นตัวนำไฟฟ้าทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นจนอาจทำให้ไฟไหม้ได้
รวมถึงภาชนะปิดมิดชิด เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นก๊าซจะเกิดการขยายตัว
และความดันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หากภาชนะปิดแน่นความดันที่มากนั้นจะพยายามดันให้เกิดการระเบิดออกได้
ไมโครเวฟจะทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไปหรือไม่
เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
คุณค่าทางอาหารบางชนิด เช่น วิตามิน อาจสลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อน
ส่วนจะสลายตัวมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ
และระยะเวลาในการได้รับความร้อน
หากเปรียบเทียบการให้ความร้อนด้วยไมโครเวฟกับวิธีอื่นๆ แล้วพบว่า
ไมโครเวฟอาจทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไปน้อยกว่า
เนื่องจากเวลาที่ใช้ในการให้ความร้อนที่น้อยกว่าวิธีการอื่นนั่นเอง
และการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟบ่อยๆ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพ
หากใช้ภาชนะบรรจุที่เหมาะสม ในอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม
แนะนำวิธีการใช้ไมโครเวฟที่ถูกต้อง
ก่อนอื่นต้องเลือกภาชนะที่เหมาะสมดังที่ได้กล่าวมา
ข้างต้น ที่สำคัญคือต้องไม่นำโลหะเข้าไมโครเวฟ
เมื่อนำอาหารเข้าอุ่นต้องไม่ปิดภาชนะมิดชิดเกินไปเพื่อให้อากาศสามารถขยาย
ตัวได้
ควรใช้เวลาในการอุ่นอาหารให้เหมาะสมกับประเภทอาหารและไม่ใช้เวลานานเกินไป
เพราะอาจเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Superheating
อย่างเช่นการต้มกาแฟด้วยน้ำร้อนจัดหลังจากอุ่นน้ำในไมโครเวฟเป็นเวลานานที่
จะทำให้น้ำร้อนๆเกิดเป็นฟองพุ่งขึ้นทันที
เนื่องจากการให้ความร้อนมากเกินไปจนทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากเกินกว่า
จุดเดือด แต่เนื่องด้วยภาชนะมีผิวเรียบ
ทำให้ไม่มีบริเวณที่จะมีฟองอากาศที่เราพบเห็นตามปกติระหว่างต้มน้ำก่อตัว
ขึ้นได้ภายในภาชนะ เมื่อเราใส่ผงกาแฟเข้าไป ผงกาแฟเหล่านี้
จึงทำหน้าที่เสมือนบริเวณที่ทำให้ฟองอากาศก่อตัวขึ้น
ฟองอากาศจำนวนมากจะขยายตัวอย่างรวดเร็วจากอุณหภูมิที่สูง
เกิดเป็นการเดือดอย่างกระทันหันในลักษณะของฟองฟู่ขึ้นมา
เราจึงควรต้องระวังการต้มน้ำอย่าให้นานเกินไป
อย่างไรก็ตาม
ผู้บริโภคต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า ไมโครเวฟ
ไม่ใช่รังสีอันตรายเหมือนพวกกัมมันตรังสี หรือรังสีเอ็กซ์ เพราะตลอด 5
ทศวรรษที่ผ่านมา ที่มีการใช้เครื่องไมโครเวฟอย่างแพร่หลาย
ยังไม่พบกรณีศึกษาใดที่ระบุว่า
มีคนที่ได้รับอันตรายจากการรับประทานอาหารที่ให้ความร้อนด้วยวิธีนี้
หลังจากนี้ ผู้บริโภคก็น่าจะคลายความกังวล
และใช้ไมโครเวฟได้อย่างสบายใจกันเสียที
Comments
Post a Comment